ขับรถเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวด้วยตัวเอง 7 วัน 7 เมือง Tokyo-Yamanashi-Hakuba-Shirakawago-Nagoya-Uji-Osaka
- Paigunna
- 4 วันที่ผ่านมา
- ยาว 6 นาที
อัปเดตเมื่อ 13 นาทีที่ผ่านมา
ไปญี่ปุ่นทั้งทีก็เอาให้สุด!
ทริปนี้มันเกิดจากที่ออมนัทไม่ได้ไปญีปุ่่นเกือบปี ไหน ๆ จะกลับไปทั้งทีก็ขับข้ามภูมิภาคเที่ยวให้ฉ่ำ ให้หายคิดถึงกันดีกว่า จริง ๆ ทริปนี้คือไปทั้งหมด 15 วัน แบ่งเป็น 3 ช่วง คือช่วงแรกเที่ยวในเมือง Tokyo 4 วัน , ช่วงที่ 2 จะเริ่มขับรถเที่ยวละ ทั้งหมด 7 วันข้ามภูมิภาคจาก Tokyo ไปจบที่ Osaka, และช่วงสุดท้ายจะเป็นการไปเที่ยวเมือง Wakayama อีก 4 วัน

รีวิวนี้ก็มาตามรอยการเที่ยวตั้งแต่ Tokyo-Yamanashi-Hakuba-Shirakawago-Nagoya-Uji-Osaka กันนะ ว่าเราไปเที่ยวยังไง พักที่ไหน กินอะไร กันบ้าง แปะพิกัดให้ตามรอยเผื่อทริปหน้าเพื่อน ๆ จะไปเที่ยวโซนเอาไว้เป็นไอเดียกันน้า
ทริปนี้เดินทางกันวันที่ 27 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม จะเป็นช่วงปลายใบไม้เปลี่ยนสีไปจนถึงต้นฤดูหนาว เจอมาทุกสภาพอากาศกันเลยทีเดียว อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 5-18 องศา และวันที่เจอหิมะตกก็ประมาณ -2-0 องศาได้เลย เตรียมเสื้อผ้ามาให้ดีน้า ช่วงในเมืองก็เย็นสบายแต่พอขึ้นไปแทบภูเขาแนะนำให้ใส่เสื้อ Heatteach เสื้อกันหนาวดี ๆ ไว้ เพราะลมแรงและหนาวมาก
10 ข้อควรรู้ก่อนเช่ารถขับในญี่ปุ่นช่วงฤดูหนาว

การเช่ารถขับในญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งวิธีเที่ยวที่สะดวกที่สุด โดยเฉพาะถ้าอยากออกนอกเมืองใหญ่
ไปตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ธรรมชาติสวย ๆ ออมนัทเลยมาสรุปข้อควรรู้ให้อ่านกันก่อน แบบอ่านจบ เข้าใจ พร้อมขับจริงได้เลย
1. เข่ารถขับเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว (ประมาณ ธ.ค.–มี.ค.) ข้อนี้สำคัญมากนะ
- เลือกรถที่มี Snow Tire (ยางหิมะ) เท่านั้นถ้าต้องขับบนหิมะ
- ส่วนใหญ่บริษัทรถจะมีให้เป็น option หรือรวมในแพ็กเกจหน้าหนาว
- ห้ามใช้ยางปกติบนถนนที่มีหิมะหรือพื้นน้ำแข็ง
- บางพื้นที่ต้องใช้โซ่ล้อ (Tire Chain) จะเห็นตามเส้นทางภูเขา หรือบางช่วงอาจมีป้ายบังคับใช้โซ่
- ถ้าแพลนไปแถบ Alps, Hakuba, Shirakawago ควรบอกบริษัทเช่ารถ เค้าจะแนะนำว่าต้องใช้อะไรและการขับให้ปลอดภัย
- เวลาขับต้อง “ช้ากว่าปกติ” ให้ออกตัวช้า ค่อย ๆ แตะเบรกและเบรกยาวขึ้น
- กะระยะช่วงเบรก อย่าเบรกกะทันหัน ใช้ Engine Brake ช่วยชะลอความเร็ว
- ระวัง Black Ice (น้ำแข็งใส) มองไม่เห็น แต่ลื่นมาก จะเจอในช่วงเช้า ตามสะพาน ทางโค้ง ถนนในร่มต่าง ๆ
- เผื่อเวลาเดินทางมากกว่าปกติ หิมะตกหนักอาจทำให้ถนนปิด หรือรถติดช้าลง หน้าหนาวมืดเร็วมาก 4 โมงก็เริ่มพระอาทิตย์ตกแล้วค่ะ
ออมนัทขับเจอถนนลื่น Black ice มาแล้วในเมือง Hakuba, Shirakawago คือถ้าไม่มั่นใจการขับบนหิมะ เลือกขับเฉพาะช่วงกลางวัน ถนนหลัก และหลีกเลี่ยงกลางคืน จะปลอดภัยกว่าและที่สำคัญไปช้า ๆ ไม่ต้องรีบ ทำตามที่บอกด้านบนลกอุบัติเหตุ
2. ออมนัทเช่ารถกับ Omakase Plan ถ้าใครจะไปญี่ปุ่นแล้วไม่รู้จะเริ่มต้นหรือแพลนทริปเที่ยวยังไง ก็สอบถามเค้าได้เลย
- เค้ามีทั้งรถเช่า ดูแลให้คำปรึกษาดีมาก เพราะเป็นคนไทยเลยยิ่งคุยง่ายเข้าใจง่าย อย่างรอบนี้ออมนัทจองรถเช่ามีพร้อมประกัน เช่าบัตรทางด่วน ETC จัดการให้ครบสบายใจ
- มีบริการรถรับ-ส่งสนามบิน อันนี้สะดวกมาก ไปถึงสนามบินก็มีคนมารอรับแล้วไปส่งเราที่พักในเมืองเลย (ยิ่งเที่ยวหลายคนใข้บริการรถรับส่งสนามบินคือดี

- ใครอยากเช่ารถพร้อมคนขับ ทาง Omakase Plan ก็มีบริการนะ
ติดต่อ : facebook.com/omakaseplan
Line OA : @omakaseplan หรือคลิ๊ก https://lin.ee/YZp5rlP
Hotline : 093-593-8909
Program Tours ทั้งหมด : https://omakaseplan.com/japan-package-tours/
3. ใบขับขี่ที่ใช้ได้ในญี่ปุ่น ต้องเป็นใบขับขี่สากลตาม the Convention at Geneva 1949 “มีอายุ 1 ปี”
- ทำจากประเทศไทยเท่านั้น
- ใช้คู่กับใบขับขี่ไทยตัวจริง
4. เลือกรถแบบไหนให้เหมาะกับทริป
- Kei Car (รถเล็ก): ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับ 1–2 คน ขับง่าย ที่จอดหาง่าย
- Compact / Sedan: เหมาะกับ 2–4 คน + กระเป๋า
- SUV / Van : เหมาะกับครอบครัว หรือทริปหิมะ เส้นทางภูเขา
- ดูจำนวนกระเป๋าก่อนเลือกไซส์รถ เพราะรถญี่ปุ่นเก็บของไม่ใหญ่อย่างที่คิด ครั้งนี้ออมไป 4 คน กระเป่าใบใหญ่ถึง 4 ก็เลือกรถแบบ W2 Class จะนั่งสบาย
5. ระบบนำทาง & ภาษา
- รถเช่าส่วนใหญ่มี GPS ภาษาอังกฤษ
- แนะนำให้ใช้ Google Maps ควบคู่ไปด้วย
- บางคันสามารถใส่ Map Code (รหัสสถานที่ญี่ปุ่น) ได้นะแม่นมาก
6. กฎจราจรที่ต้องรู้ (สำคัญมาก!)
- ขับรถเลนเดียวกับไทย
- ห้ามเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด ต้องรอสัญญาณไฟเท่านั้น
- จำกัดความเร็วนะ ขับในเมือง 30–40 km/h ,นอกเมือง 50–60 km/h ,ทางด่วน 80–100 km/h
- คนข้ามทางม้าลาย = ต้องหยุดทันที
- ห้ามดื่มแล้วขับเด็ดขาด
7. ค่าทางด่วน & ETC Card
-ทางด่วนญี่ปุ่นค่อนข้างแพง แต่เร็วและสะดวก
- แนะนำเช่า ETC Card จากบริษัทรถ (คิดค่าบริการเพิ่ม) ไม่ต้องจอดจ่ายเงิน แค่ขับผ่านช่อง ETC ไปได้เลย แช้วคือยจ่านทีหบังตอนวันคืนรถ
8. น้ำมัน & ปั๊ม
- รถเช่าส่วนใหญ่ใช้น้ำมัน Regular
- ปั๊มญี่ปุ่นสะดวก บางที่มีพนักงานเติมให้
- ก่อนคืนรถ ต้องเติมน้ำมันเต็มถัง และเก็บใบเสร็จไว้
9. การจอดรถ
- ห้ามจอดข้างถนนมั่ว ๆ จะโดนปรับเอา
- ลานจอดส่วนใหญ่เป็นแบบคิดเงินอัตโนมัติ อ่านป้ายราคาให้ดี มีหลายแบบทั้งจ่ายรายนาที รายชั่วโมง รายวัน
10. ประกันรถ สำคัญมาก!
- ยิ่งขับฤดูหนาว เลือกประกันแบบ Full Coverage ลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายกรณีเฉี่ยวชน อุ่นใจกว่า โดยเฉพาะคนขับต่างชาติ

ค่าใช้จ่ายทริป
Flight ticket : 15,040.-/คน
Hotel :
1.Tokyo 3 คืน 23,030.- (11,515.-/คู่)
2.Fuji 2 คืน 24,587.- (12,293.-/คู่)
3.Hakuba 2 คืน 19,095.- (9,547.-/คู่)
4.Nagoya 2 คืน 7,713.-/คู่
5.Osaka 2 คืน 14,476.- (7,238.-/คู่)
Tickets :
Disneysea ¥9,900/คน
Harry Potter 1,474.-/คน
ค่าน้ำมัน ¥25,930/5,172.-
ค่าทางด่วน ETC 2,327.-
แพลนทริป Tokyo-Osaka
[27 November - 7 December 2025]
Day 1 : Tokyo
Shibuya
หลังจากนั่งรถมาถึงในเมืองโตเกียว ฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ แล้วออมนัทก็มาหาอะไรกินก่อนเข้าเช็คอินที่พักในช่วงเย็น เลยมาเดินเล่นแถว Shibuya กันค่ะ มาถึงญี่ปุ่นสิ่งแรกที่อยากกินก่อนเลยคือ Sushi เดินเล่น

Butagumi Shokudo
ร้านข้าวหมูทอดมงคัตซึ อร่อยมากกกกทุกคน อยู่ใน Roppongi Hills อยู่โซน B2F เดินจากสถานี Roppongi แป๊บเดียวก็ถึง ตัวร้านเป็นแบบ casual นั่งสบาย บรรยากาศอบอุ่น ดูไม่ได้หรูเกินไปแต่คุณภาพหมูคือดีมาก!
จุดเด่นคือ ทงคัตสึทอดกรอบนอก ฉ่ำใน ชิ้นใหญ่เต็มปาก เสิร์ฟคู่กับข้าว กะหล่ำปลีซอยและมิโสะซุป แถมบางช่วงมีรีฟิลข้าว–กะหล่ำปลีด้วยนะ ฟินสุด ๆ
📌 เคล็ดลับกินให้อร่อยเริ่มคำแรกจิ้มเกลือเบา ๆ เพื่อให้ได้รสหมูชัด ๆ จากนั้นค่อยราดซอสทงคัตสึ หอมหวานเค็มกำลังดี เปลี่ยนรสไปเรื่อย ๆ เพลินมาก~
📌 อีกเมนูแนะนำคือ มะเขือเทศ ที่ร้านนี้คือหวานฉ่ำสดชื่นมาก ออมสั่งกินคนละ 2 จานเลย อันนี้เด็ดจริง!

Roppongi Hills
หนึ่งในไฮไลท์ของฤดูหนาวที่ Roppongi Hills คือไฟประดับบน ถนน Keyakizaka ที่จะเปลี่ยนย่านนี้ให้กลายเป็น “สวนหิมะสีเงิน-น้ำเงิน” มีไฟ LED กันยาวเกือบ 400 เมตร ตลอดถนน แล้วมองเห็น Tokyo Tower อยู่ตรงหน้า 📌 ให้ไปในช่วงเวลาที่ฟ้าเริ่มมืด (~17:00-18:00) เพราะไฟเริ่มเปิดพอดีและจะได้ทั้งวิวตอนฟ้ายังไม่มืดและตอนไฟประดับเต็มที่

ตลาดคริสต์มาสที่ Roppongi Hills
เป็นหนึ่งในไฮไลท์ฤดูหนาวของโตเกียว จัดขึ้นทุกปีช่วงปลาย พ.ย. – 25 ธ.ค บรรยากาศแบบ ตลาดคริสต์มาสยุโรป มีแผงขายของตกแต่งน่ารัก ๆ ของที่ระลึก
เมนูอาหารสไตล์เยอรมัน เช่น ไส้กรอก, มัลด์ไวน์ร้อน (mulled wine) และเพรทเซลกลมกรอบ ให้ได้อุ่นท้องในอากาศเย็น ๆ
ตลาดไม่ใหญ่มาก แต่เหมาะกับเดินเล่นจิบเครื่องดื่ม ถ่ายรูปเก๋ ๆ กับเพื่อนหรือคู่รัก
📌 Tip: ช่วงเย็นยิ่งคึกคักมากเพราะคนจะมาดูไฟประดับกันต่อเลย

ที่พักในโตเกียวรอบนี้ออมนัทพักแถวย่าน Hiroo จะอยู่ใกล้กับสถานรถไฟ Hiroo Station ประมาณ 500 เมตร จะไปแถว Roppongi แค่ 1 สถานี หรือประมาณ 1 กิโลเมตรเอง ใกล้ 7-Eleven, Lawson เป็นฟิล Apartment พักได้สูงสุด 5 คน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น เครื่องซักผ้า เหมาะกับการมาพักหลายคนนะ คุ้มมาก เพราะได้ห้องกว้าง มีพื้นที่ ราคาดี 3 คืน 22,704 คืนละ 7,568 บาท หารกันคนละ 1,892 บาท/คืน เอง

Day 2 : Tokyo
สำหรับใครเดินทางในโตเกียวด้วยรถไฟใต้ดินเยอะ ๆ ออมนัทแนะนำให้ซื้อบัตรโดยสาร Tokyo Subway Ticket เค้าจะมีให้เลือก 3 แบบ คือ
ใช้งาน 24 ชั่วโมง 159.-
ใช้งาน 48 ชั่วโมง 239.-
ใช้งาน 72 ชั่วโมง 299.-
อย่างออมนัทเที่ยวโตเกียว 3 วันก็เลือกซื้อแบบใช้งาน 72 ชั่วโมง ซื้อกับ KLOOK พอซื้อเสร็จก็เอา QR Code ไปแลกที่สถานีรถไฟใต้ดินได้เลย แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้มาเป็นบัตรโดยสารแบบนี้เลยค่ะ (ห้ามทำหายน้า) ใช้บัตรใบเดียวตลอด 72 ชั่วโมงในโตเกียวได้เลย คุ้มมาก!

TOKYO DISNEY SEA
Tokyo DisneySea เป็นสวนสนุกที่ แตกต่างจาก Disneyland ปกติ เพราะมีธีมหลักคือ “โลกแห่งทะเลและการผจญภัยบนผืนน้ำ” มีที่เดียวในโลก สวนสนุกแบ่งเป็น หลายโซนธีม ให้เราเดินเล่นได้ทั้งวัน เครื่องเล่นก็จะเพิ่มเลเวลความสนุกกว่า DisneyLand ม่ีความโตกว่า แต่ก็มีโซนเครื่องเล่นสำหรับน้อง ๆ มีโซนตามนี้น้า
🐚 Mediterranean Harbor
โลกแบบท่าเรือยุโรป เหมือนหลุดไปอยู่ในเมืองริมทะเลจริง ๆ
เหมาะสำหรับถ่ายรูปมุมสวย ๆ ตามตรอก ร้านค้า และวิวรอบ ๆ
🏙️ American Waterfront
ธีมเสมือนเมืองท่าเรือสมัยก่อน มีเครื่องเล่นดังหลายอย่าง
🎢 Mysterious Island
ลึกเข้าไปในโลกภูเขาไฟและการผจญภัย
เครื่องเล่นแบบตื่นเต้นสำหรับผู้ใหญ่
🧜♀️ Mermaid Lagoon
โซนในร่มธีม Little Mermaid สำหรับเด็กและคนรักความน่ารัก
🏹 Lost River Delta
ผจญภัยดินแดนโบราณ พร้อม Indiana Jones Adventure ที่เป็นหนึ่งในเครื่องเล่นยอดนิยม
🏰 Fantasy Springs (โซนใหม่!)
เปิดตั้งแต่ปี 2024 เป็นโซนใหญ่สุดในสวนสนุก
มีเครื่องเล่นธีม Frozen, Tangled, Peter Pan แบบ immersive กว่าเดิม
กดซื้อบัตร Tokyo DisneySea / DisneyLand ผ่าน KLOOK ราคาดีมีโปรเยอะ คลิ๊กเลย
⚠️ เคล็ดลับ : ให้ดาวน์โหลด Tokyo Disney Resort ลงในโทรศัพท์ก่อนเข้าสวนสนุก! อย่าลืมเปิดใช้งานการเข้าถึงตำแหน่งที่ตั้งเพื่อดูตำแหน่งของเราบนแผนที่ดิจิทัลของสวนสนุกด้วย ถ้าอยากเล่นเครื่องเล่นฮิต ๆ (เช่น Frozen Journey หรือ Rapunzel’s Lantern) ให้กดซื้อ Disney Premier Access ที่สามารถซื้อได้หลังจากสแกนตั๋วเข้าปาร์คแล้วเท่านั้น
โตเกียวดิสนีย์ซี ยังมีบัตร Priority Pass ฉลองครบรอบ 40 ปี บัตรนี้แจกฟรี และให้สิทธิ์ผู้เข้าชมเลือกกิจกรรมที่ร่วมรายการและเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ในเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรอคิวนาน บัตรนี้มีจำนวนจำกัดนะ คอยรีเฟรซหน้าแอพเรื่อย ๆ ทุกชั่วโมงอาจจะมีบัตรหลุดให้เราได้กดฟรีบ้างค่ะ
ในแอพก็มีจะรายละเอียดต่าง ๆ ของปาร์คให้เราดูตามนี้ :
เวลาเปิดทำการของสวนสาธารณะ
เวลารอรถ
มีรอบฉายให้เลือกหลากหลาย
ซื้อสิทธิ์การเข้าถึง Disney Premier Access
แลกรับสิทธิ์ Priority Pass ครบรอบ 40 ปี
แผนที่ดิจิทัลของอุทยานทั้งหมด
สั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านมือถือ
จองร้านอาหารและชมร้านอาหาร



เครื่องเล่นที่ “ผู้ใหญ่ชอบมาก” คือ:
⭐ Tower of Terror – ฟิลตกตึกเสียวอยู่
⭐ Raging Spirits – รถไฟเหาะตีลังกา
⭐ Indiana Jones Adventure – ผจญภัยมันส์
⭐ Soaring: Fantastic Flight – ท่องโลก (ถ้ามี)
⭐ Toy Story Mania! – เล่นเกมยิงมันส์มาก
⭐ 20,000 Leagues Under the Sea – ใต้น้ำสุดลึกลับฃ
⭐ Nemo & Friends SeaRider – Simulator เพลิน ๆ


Yakiniku
เย็นนี้ไปกินปิ้งย่างกันที่ร้าน Bebu-Ya Yakiniku ที่ Shibuya ค่ะ มีคนญี่ปุ่นมากินเพียบ เป็น Buffet เนื้อจากฟาร์มที่เค้าเลี้ยงเอง มีเนื้อหลายแบบมาก All You Can Eat ตั้งแต่ราคา 3,330 เยน/4,500เยน/5,500เยน/6,500เยน มีแบบรวม Buffet แบบ Soft Drink อย่างเดียวและแบบรวม Alcohol ค่ะ ส่วนตัวก็ถือว่าโอเคนะ แต่ยังไม่ถึงที่สุดเท่าที่เคยกินมา ใครอยู่ย่านนี้ก็ลองไปกินได้

Day 3 : Tokyo
The Making of Harry Potter
สานฝันแฟนแฮรี่มาก สำหรับช่วงนี้ที่ Harry Potter Studio Tour Tokyo มาในธีม Hogwarts In The Snow 2025 เนรมิตฮอกวอตส์ให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งคริสต์มาส ราวกับอยู่ในฉากภาพยนตร์ของจริง
ออมนัทคิดว่าที่นี่เหมาะสมในการมาเยือนมาที่สุด ไม่มีที่ไหนเหมาะแก่การใส่ชุดคลุมโบกสะบัดไม้กายสิทธิ์
เหมือนได้เข้าไปอยู่โลกเวทย์มนต์จริง ๆ เท่าที่นี่อีกแล้ว

วิธีการซื้อบัตร :
ออมนัท ซื้อผ่าน Klook สะดวกสบาย ซื้อง่าย และราคาดี ซื้อเสร็จก็จะได้บัตรมาเป็นแบบ e-ticket แสดง QR Code ได้เลย ออมนัทซื้อแบบ [Klook exclusive] Studio Tour + headband ราคา 1,375.-/คน
เอาบัตรไปโชว์ในร้านขายของได้รับคาดผมแฮรี่น่ารัก ๆ มาอีกคนละอัน ใครที่แพลนว่าจะไปเที่ยว Warner Bros. Studio Tour Tokyo แนะนำให้จองล่วงหน้านะ เพราะบางวันอาจจะหมดเร็ว ซึ่งสามารถเลือกวันที่และเวลาที่เราอยากไปได้ แนะนำไปแต่เช้าดีกว่าจะได้มีเวลาเดินเก็บรายละเอียดด้วย


พ้อทย์หลักของที่นี่จะพาเราเข้าไปในโลก Harry Potter ผ่านเบื้องหลังทั้งฉากและพร๊อพต่าง ๆ ในสตูดิโอ Warner Bros. อย่างละเอียดสุด ๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดใน ปี 2023 ซึ่งจะได้ไม่ใช่สวนสนุกแบบที่ Universal Studios แต่จะมีพาร์ทต่าง ๆ ที่ทำให้เราเป็นเหมือนส่วนหนังของแต่ละฉากในหนัง


Midtown Christmas Roppongi
เทศกาลแสงไฟและการตกแต่งธีมคริสต์มาสที่จัดขึ้นภายในพื้นที่ Tokyo Midtown ใจกลาง Roppongi มีทั้งไฟประดับสีทอง–เงินสุดหรู, ต้นคริสต์มาสตกแต่งสวย และงาน Christmas Marche (ตลาดของตกแต่ง, ของขวัญ, ของน่ารัก) ให้เดินเล่นชิล ๆ ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
งานจะจัดตั้งแต่ประมาณ 13 พ.ย.-25 ธ.ค. ทุกปี และเปิดไฟตั้งแต่ประมาณ 17:00-23:00 น. (เข้าชมฟรี)
ไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด :
1) Christmas Garden Lights
2) Santa Tree – ต้นคริสต์มาสขนาดใ
3) Christmas Marche – ตลาดของตกแต่งน่ารัก
4) Yunth Midtown Ice Rink – ลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้ง


Day 4 : Tokyo > Yamanachi (Lake Kawaguchiko)
วันนี้เราจะออกจากโตเกียวแล้วค่ะ เช้าไปรับรถเช่าที่ Toyota Rent a car ที่สถานี Namba Station ค่ะ ออมนัทมากัน 4 คนเลยเลือกรถขนาด W2 Class 7 วัน
ราคา 138,820 เยน
ETC Crad 550 เยน
ค่าคืนรถต่างเมือง 41,800 เยน
รวมประกัน
ทั้งหมด 181,170 เยน (36,140 บาท)

ตลาดปลา Tsukiji
ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji) ไม่เหมือนตลาดประมูลปลาขนาดใหญ่ที่คนเคยรู้จักก่อนปี 2018 (ย้ายไป Toyosu Market แล้ว) แต่ที่นี่ยังมีชีวิตชีวาในส่วน Outer Market ที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร, ร้านขายของทะเลสด, ของแห้ง และของใช้เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น
อาหารที่แนะนำ
Kaisendon — ข้าวหน้าเนื้อปลาและของทะเลสดหลากชนิด (uni, otoro, salmon ฯลฯ) สดจนแทบละลาย
ยากิทะเลย่าง — หอย ปลาหมึก และหอยเชลล์ย่างร้อน ๆ กลิ่นหอมเตาถ่าน
Tamagoyaki — ไข่ม้วนญี่ปุ่นหวานนุ่ม ทานเพลินระหว่างเดิน
Matcha Latte / ของหวานญี่ปุ่น — เครื่องดื่มชาเขียวถ้วยสด และโมจิหลากรส

⏰ เวลาที่เหมาะที่สุดในการไป
ตลาดส่วนใหญ่เริ่มเปิดตั้งแต่เช้ามืดประมาณ 5:00 – 6:00 น. และ คึกคักที่สุดช่วงเช้าไปจนถึงบ่ายต้น ๆ (ร้านส่วนใหญ่ปิดประมาณ บ่ายโมง – บ่ายสองโมง)
ถ้าอยากได้บรรยากาศแบบไม่แออัดและได้เต็มที่ แนะนำมาราว เช้าประมาณ 7:00-9:00 น.
ควรเช็กวันและเวลาร้าน เพราะหลายร้าน ปิดวันอาทิตย์และบางวันพุธ


Lake Kawaguchiko
ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Lake Kawaguchiko) เป็นหนึ่งในทะเลสาบฟูจิทั้ง 5 ที่เดินทางง่ายที่สุดจากโตเกียว และเป็นจุดชมฟูจิยอดนิยมตลอดปี เพราะวิวเปิดกว้าง เห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มเฟรม ตัดกับน้ำในทะเลสาบและธรรมชาติรอบตัวแบบสวยสงบมาก ๆ เหมาะทั้งมาฮันนีมูน เที่ยวชิล หรือถ่ายรูปเล่นเป็นคู่ก็คือโรแมนติกสุด
ขับมาที่ Momiji Tunnel อุโมงค์ใบเมเปิ้ลสุดโรแมนติกริมทะเลสาบคาวากูจิ อยู่ริมฝั่ง Lake Kawaguchiko ด้าน Oishi Park โซน North shore เส้นนี้ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะพีคมาก เพราะทั้งสองฝั่งถนนเรียงรายด้วยต้นเมเปิ้ลสูงตลอดสาย พอใบไม้เริ่มแดง–ส้ม–เหลือง ก็จะกลายเป็นอุโมงค์สีอบอุ่นทั้งเส้นเหมือนขับผ่านโปสการ์ดเลย

ที่พักวิวฟูจิ - บ้านพัก 3 ชั้น มีออนเซน
และระเบียงส่วนตัวดูวิวภูเขาไฟฟูจิเต็ม ๆ ตา
ออมนัทเป็นคู่ที่ชอบไปเที่ยวฟูจิมาก เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ได้มาแล้วก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง เราจะได้เห็นฟูจิในแต่ละวันที่ไม่ซ้ำกันเลย และครั้งนี้ออมนัทก็มีที่พักที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิเต็ม ๆ ตา ได้แบบทั้งวันทั้งคืน นี่เป็นบ้านพัก 3 ชั้น ที่บ้านใช้ของดีมาก ทำถึง อยู่บอบเนินเขาที่บริวเณ Lake Yamanaka ที่มีความเป็นส่วนตัวมาก ๆ อ่านรีวิวเต็มบ้านพักดาดฟ้าดูภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มตา


Day 5 : Lake Kawaguchiko-Lake Yamanakako
Fuji Tempura IDETEN KAWAGUCHIKO
เป็นร้านเทมปุระเจ้าดังซิกเนเจอร์ของเมืองนี้ กุ้งหวานมาก แป้งเทมปุระกรอบ ไม่อมน้ำมัน มีน้ำซุปสาหร่ายให้กินฟรีสามารถตักกันเองได้เลย

Day 6 : Lake Yamanakako > Hakuba
Yamanakako Communication Plaza
เป็นพื้นที่สวนสาธารณะกว้างขวางตั้งอยู่บน ฝั่งทะเลสาบยามานากะโกะ (Lake Yamanakako) ที่โดดเด่นด้วยวิว ภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มตา วิวเงียบสงบ ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าจุดดังอื่น ๆ ในภูมิภาคทะเลสาบฟูจิ เหมาะกับคนที่อยากมาพักผ่อน เดินเล่น หรือถ่ายรูปแลนด์สเคปธรรมชาติให้เต็มที่
Daio Wasabi Farm
เป็น ไร่วาซาบิขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมือง Azumino จังหวัดนากาโนะ ใกล้เมือง Matsumoto ซึ่งปลูกวาซาบิท่ามกลางธารน้ำเย็นจากเทือกเขา Northern Alps นอกจากเป็นแหล่งปลูกจริงแล้ว ยังเป็น สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ที่สามารถเดินชมธรรมชาติ กิจกรรม และลองอาหารของวาซาบิแบบต่างๆ ที่หาได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น
มี กังหันน้ำสุดคลาสสิค และบ้านฟางริมลำธาร ซึ่งเคยใช้เป็นฉากถ่ายทำในหนังของผู้กำกับชื่อดัง Akira Kurosawa เรื่อง “Dreams” ซึ่งยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างสวยงาม เป็นมุมถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวชอบมาก ช่วงปลาย เม.ย. ถึง ต.ค. มีบริการล่องเรือใสตามลำน้ำใกล้ไร่ (,uค่าใช้จ่าย) ช่วยให้เราได้เห็นวิวธรรมชาติและวาซาบิจากมุมใหม่ที่เย็นสบาย

ที่ฟาร์มมีร้านอาหารและร้านขายของให้ลอง เมนูวาซาบิแท้ ๆ เช่น ข้าวหน้า Hon Wasabi (ขูดวาซาบิสดเองได้ตามชอบ) Wasabi Soba เส้นโซบะกับวาซาบิสด วาซาบิเทมปุระ, วาซาบิเบียร์, ไอศกรีมรสวาซาบิ รสชาติแปลกใหม่แต่อร่อยกว่าที่คิด และในร้านค้าก็มีของที่ระลึกทั้ง วาซาบิสด, ซอส, ข้าวเกรียบ, เบียร์วาซาบิ ให้เลือกซื้อกลับบ้านด้วย ควรเผื่อไว้ในการเที่ยวที่นี่ประมาณ 1–2 ชั่วโมง ถ้าอยากเดินเล่นชิล ๆ + ชิมอาหาร + ถ่ายรูป

เข้าฟรี ไม่ต้องเสียค่าเข้า!
เปิดทุกวัน ตลอดปี (เวลาอาจต่างกันเล็กน้อยตามฤดูกาล)
มี ที่จอดรถฟรี แนะนำขับรถไปเพราะอยู่ในชนบทและเดินทางโดยรถไฟต้องต่อค่อนข้างเยอะ

เข้าที่พักเมือง Hakuba
ขับจาก Lake Yamanakako ประมาณ 2 ชั่วโมงหน่อย ๆ ก็มาถึงเมือง Hakuba กันค่ะ วันนี้ตั้งใจชิล ๆ อยู่ที่พักกัน บ้านที่จองมาน่ารักมาทุกคน นอนได้สูงสุด 6 คน บ้านมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ มีอ่างน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า ชั้นบนเป็นห้องนั่งเล่นกว้าง ๆ พร้อมกระจกชมวิวเห็นเทือกเขาหิมะสวยสุด ๆ มี Smart TV ห้องครัวให้ทำอาหาร เครื่องครัวครบ ของใช้ครบ ทำดีมาก ใครมา Hakuba จองตามได้นะ


Yakiniku
เย็นนี้อยากกิน Yakiniku กันค่ะ เลือกร้านแบบสุ่ม ๆ ไปเจอร้านนี้ SUMI YAKINIKU เป็นร้านแบบโฮมมี่ ครอบครัวทำเอง เนื้อดีเลยนะ เป็นเมนูอลาคลาสสั่งจาน ๆ เอานะ เนื้อดีใช้ได้ ราคากลาง ๆ

Day 7 : Hakuba
Ramen
จริง ๆ แพลนวันนี้คือจะขับไปคาเฟ่ริมทะเลสาบ แล้วตระเวนถ่ายรูปรอบ ๆ เมืองกัน แต่ผลคือฝนตกกระหน่ำมาก ตกแบบทั้งวันทั้งคืน แล้วร้านคาเฟ่ส่วนมากปิดวันพฤหัสกันหมด ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย อากาศแบบนี้ก็เลยอยากกินราเมนกัน เลือกแบบสุ่มกันอีกแล้วค่ะ ร้านนี้ชื่อว่า Takahashi-ke ราเมงแบบอบอุ่นเล็ก ๆ ร้านนี้เน้นเมนูไม่เยอะ ตามนี้เลย
Tantan Ramen (ราเมงเผ็ดสไตล์จีน-ญี่ปุ่น) รสชาติจัดจ้าน
Shoyu Ramen (ราเมงซอสโชยุ) รสคลาสสิก น้ำซุปจะออกไปทางเข้มข้น
Mizo Ramen (ราเมนซอสมิโซะ) รสคลาสสิก น้ำซุปกลมกล่อม
Gyoza (เกี๊ยวซ่า) ชิ้นใหญ่ มส่แน่น

FARM HAKUBA CAFE
อิ่มของคาว ต่อของหวานที่คาเฟ่เล็ก ๆ ไม่ไกลจากร้านราเมนค่ะ มีไอศครีมที่รสชาติทำจากผลผลิตจากฟาร์มของเค้าเอง รสชาติก็จะเป็นพวกผลไม้ เบอรี่ อะไรต่าง ๆ อร่อยน้า มาลองได้

Hakuba Bridge, Odie Park
ตอนบ่ายถึงฝนจตกก็ลอง ๆ ขี่รถเล่นรอบเมืองดูบรรยากาศสะหน่อยค่ะ มาที่ Hakuba Bridge แวะถ่ายรูปนิดหน่อย แล้วก็ไปที่ Odie Park แต่พอไปถึงฝนตกหนักกว่าเดิมอีกเลยเดินลงไปไม่ได้ แถมไม่เห็นวิวเขาแล้ว สงสัยใช่แต้มบุญไปกับวิวฟูจิหมดไปแล้วค่ะ แพลนวันนี้เลยมีแต่ตระเวนกินอย่างเดียว กลับที่พักชิวกันไป แต่ที่พักเราดีเลยถือสะว่าพักผ่อนกันไป




Hakuba Pizza
ตอนเย็นก็คุยกันว่าอยากหาร้านชิว ๆ นั่งกินอาหารอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นกันบ้าง คือเริ่มเอียนละ พักช่วงมาหาอาหารฝรั่งกินกันหน่อย ก็สุ่มเจอร้านนี้ค่ะ HAKUBA PIZZA จะอยู่ที่ชั้น 2 นะ เดินขึ้นบันได่ตามแมพมาเลย คือแค่ตรงบันไดก็ได้กลิ่นแป้งหอม ๆ จากเตาแล้ว พนักงานเอย พ่อครัวเอยเป็นคนต่างชาติหมด แล้วเจอคนต่างชาติมาแฮงค์เอาท์ที่นี่กันเยอะมาก เมนูมีให้เลือกเยอะอยู่นะ แล้วรอ่ยจริง อร่อยแบบอยากกินอีก พิซซ่าแนะนำคือหน้า Hakuba Special อร่อยมาก เค้ามีคอกเทลด้วยนะ ชงดี เข้มนัว ร้านนี้แนะนำเลย
ราคา ไซส์ Medium 12" 2,300-2,900เยน / Large 14” 3,100-3,900เยน

Day 8 : Hakuba > Shirakawa-go > Nagoya
Shirakawa-go
นี่คือหมู่บ้านที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในนิทาน บ้านทรงกัสโชสึคุริหลังคาทรงสามเหลี่ยม เรียงตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาและทุ่งนา ความเงียบสงบและบรรยากาศเรียบง่าย ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์แบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย
จุดเด่นของ Shirakawa-go
• หมู่บ้านโบราณที่มีบ้านทรง กัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri)
• หลังคากัสโช ทรงสามเหลี่ยมชัน แปลว่า “พนมมือ”
• ออกแบบมาเพื่อรับมือกับ หิมะตกหนักในฤดูหนาว
• ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดย UNESCO ปี 1995



ถ้าใครที่มีแพลนว่าจะมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวนี้ แนะนำให้เช็คดูสภาพอากาศ ระวังเรื่องพายุหิมะที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนวันเดินทาง โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ (ที่เป็นเดือนที่หหิมะตกเยอะที่สุด) ให้เข้าไปเช็คจากเว็ปออฟฟิเชียลของหมู่บ้านโดยตรงนะ เพราะถ้ามีพายุหิมะ ทางหมุ่บ้านจะปิดไม่ให้เข้าเลยน้า
เวลาเปิด-ปิด : 8:00am-5pm

ใช้เวลาขับรถออกจาก Shirakawago มาที่เมือง Nagoya ประมาณ 2:40 นาทีค่ะ เราจะพักกันที่นาโกย่าอีก 2 คืน

Check-in ที่โรงแรม Nishibetsu Groom Nagoya Hotel
ที่พักใจกลางนาโกย่า เดินทางง่าย อยู่ใกล้สถานี รถไฟใต้ดิน และทำเลดีสำหรับเที่ยวรอบเมือง โรงแรมนี้ตอบโจทย์สุด ๆ! ที่พักตั้งอยู่ในย่านนิชิกิ/ซากาเอะ ใกล้ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ แหล่งช้อปปิ้ง และสถานีรถไฟใต้ดิน เดินประมาณไม่กี่นาทีก็ถึงสถานี Hisaya-Odori ค่ะ จะไปเดินเล่นย่านซากาเอะ , Oasis 21 ก็ใกล้

ห้องพักสะอาด นอนสบายห้องพักกว้างขวางและสะอาดมาก พร้อม Wi-Fi ฟรี เครื่องปรับอากาศ ทีวี และสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ เหมาะสำหรับทั้งคู่รัก เหมาะกับเพื่อนเที่ยว หรือมาเที่ยวนาโกย่าเป็นครอบครัวก็ได้แบบสบาย ๆ
อาหารเช้าคุ้มค่ามีบริการ อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ที่จัดเต็มทั้งเมนูญี่ปุ่นและเมนูท้องถิ่น มีสปา/ออนเซ็นบน สามารถแช่ตัวหลังจากเที่ยวทั้งวันได้อย่างสบายตัว
ออมนัทจองได้คืนละประมาณ 3,400 บาท


เย็นกินร้าน Sekai no Yamachan Honten
มาถึง Nagoya วันแรก สิ่งที่ทุกคนแนะนำเหมือนนัดกันไว้คือ “ไปกิน Yamachan นะ!” ต้องไปลองให้รู้จริงแล้วสิว่า Tebasaki ของเขาจะสมชื่อร้านดังแค่ไหน
บรรยากาศคึกคักแบบอิซากายะสุด ๆ ซึ่งก็ต้องสั่งเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปีกไก่ทอดแน่นอนจ่ะ 1 จานมี 5 ชิ้น ปีกไก่สชาติจะเค็มและใส่ผงพริกไทยมาแบบจัดเต็มมาก ที่นี่ใส่เครื่องเยอะกว่าไทย ใครไม่ถนัดรสจัดอาจรู้สึกแรงไปนิ แต่ออมนัทคิดว่าที่ไทยจะค่อนข้างปรุงมาไม่จัดเกิน มันจะกินได้เรื่อย ๆ มากกว่า ที่นี่คือจานเดียวก็เค็มแล้ว แต่ก็นะมาถึงถิ่นก็ต้องลอง
Day 9 : Nagoya > Aichi
Senmi Shikizakura no Sato - Four Seasons Cherry Blossoms
ปกติคนไทยอย่างเราอาจจะคิดว่าซากุระมีแค่ฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น… แต่ที่นี่ พิเศษสุด ๆ ค่ะ 1 ปีมีครั้งเดียวเท่านั้นที่เราจะได้เห็น ต้น Shikizakura หรือ Four-Season Cherry Blossom สามารถ บานได้ทั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะได้เห็น ดอกซากุระสีชมพูอ่อนท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี พร้อมกันแบบนี้ในญี่ปุ่นเลยนะ
ช่วงที่ออมนัทไปคือ ปลายเดือนพฤศจิกายน-ต้นธันวาคม ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ซากุระ Shikizakura กำลังเบ่งบานพร้อมกับใบไม้แดงและเหลืองจากต้นโมมิจิรอบ ๆ ภูเขา


ถ้าอยากได้รูป ซากุระกับใบไม้แดง ที่โดดเด่นสุด แนะนำมา เช้าหรือช่วงบ่าย แสงจะสวยและฟุ้งมากสุด ช่วงเทศกาลมักจะมีร้านขายของท้องถิ่นให้ลองชิมหรือเลือกของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยนะ
Senmi Shikizakura no Sato - Four Seasons Cherry Blossoms จะอยู่ในเมืองโอบาระ (Obara) จังหวัดไอจิ ขับมาจากเมือง Nagoya ประมาณ 1.30 ชั่วโมงค่ะ

IBASHOU ร้านข้าวหน้าปลาไหลอูนางิ
ถ้าพูดถึงเมนูขึ้นชื่อของนาโกย่าอีกอย่างหนึ่งนั้นคือ ข้าวหน้าปลาไหลหรือ “Hitsumabushi” และออมนัทก็เลือกไปที่ร้าน IBASHOU หนึ่งในร้านเก่าแก่ที่ต้องมาลอง เดินมาจากที่พักในเมืองนาโกย่าประมาณ 500 เมตรก็ถึงปล้วค่ะ บรรยากาศแบบญี่ปุ่นคลาสสิก บ้านไม้ดั้งเดิมที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของปลาไหลย่างเตาถ่านตั้งแต่ประตูยังไม่ทันเปิดเลย ที่วิธีการทานก็มีให้เลือกลอง สามสไตล์ ตามธรรมเนียมของนาโกย่า
แบบแรก แบบคลาสสิก: ตักปลาไหลบนข้าวญี่ปุ่นแล้วทาน
แบบสอง ‒ ใส่ท้อปปิ้งเพิ่ม เช่น ต้นหอมวาซาบิ หรือสาหร่าย
แบบสาม ‒ ใส่ Ochazuke ให้ซุปชาอ่อน ๆ ละมุนคลุกกับปลาไหล อันนี้คือฟินคล่องคอ
ปลาไหลของที่นี่ถูกย่างจนหนังกรอบนอก แต่เนื้อปลายังคงนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่มีกลิ่นคาวเลย แถมซอสที่เคลือบก็หวานเค็มพอดี ๆ

Osu Shopping District ถนนคนเดิน
ย่านช้อปปิ้งสุดคลาสสิคในนาโกย่า ถนนยาวกว่า 1.7 กิโลเมตร มีร้านค้ารวมกันกว่า 1,200 ร้าน โดยแต่ละซอยจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันทั้งอาหาร ร้านแฟชั่น คาเฟ่ ของใช้ ของที่ระลึก ค่ะ

Misokatsu Yabaton Yabacho onten ร้านข้าวหมูทอดเจ้าดัง
มิโซะคัตสึต้นตำรับ ร้านเก่าแก่ที่คนทั้งท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวพูดถึงกันมากที่สุดค่ะ เมนูดัง ๆ ที่ควรลองก็มี มิโซะคัตสึ (Miso Katsu) ชิ้นหมูชุบเกล็ดขนมปังทอดกรอบร้อน ๆ ราดด้วย ซอสอะคะมิโซะสีแดงเข้ม ที่หมักแบบดั้งเดิมจนมีกลิ่นหอมหวานกลมกล่อม Waraji Tonkatsu Set จานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนรักเนื้อหมูต้องลอง เพราะชิ้นใหญ่กว่าปกติ ให้รสชาติเต็มคำ และยังมีสองซอสให้เลือกทานทั้งมิโซะและซอสทงคัตสึแบบคลาสสิกในชุดเดียวกัน

Day 10 : Nagoya > Uji > Osaka
เมือง Uji
[Uji Bridge/Byodo-in Omotesando/Nakamura Tokichi Byodo-in]
Uji เป็นเมืองเล็ก ๆ ใน จังหวัดเกียวโต (Kyoto Prefecture) ที่คนรัก Matcha ต้องไปสักครั้ง เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการผลิตชาเขียวคุณภาพสูงของญี่ปุ่น มาตั้งแต่ยุคแรก ๆ ของวัฒนธรรมชา และยังมีร้านชาเก่าแก่ที่สุดของประเทศที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1160 อยู่ที่นี่ด้วยนะ (เช่น Tsuen Tea ร้านชาเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น)
ชาเขียวที่ปลูกใน Uji ถือเป็นหนึ่งในรสชาติที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น และมีให้ลิ้มลองตั้งแต่ขนมหวาน ไปจนถึงเครื่องดื่มแบบดั้งเดิม

อย่าลืมเดินไปชม Byodoin Temple (วัดเบียวโดอิน) วัดเก่าแก่ที่โดดเด่นที่สุดของ Uji เป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก และยังเป็นสัญลักษณ์อยู่บน เหรียญ 10 เยน ของญี่ปุ่นด้วยนะ แน่นอนว่าที่นี่คือเมืองชา ดังนั้นมีเมนูที่มีชาเขียวเป็นไฮไลท์หลักเลยคือ ไอศกรีมชาเขียว, ชาเขียวซอฟต์ครีม, ขนมพาร์เฟต์ชาเขียว, กรีนทีลาเต้, ขนมเขียวแบบดั้งเดิม

🍵 แบรนด์มัทฉะยอดนิยมจาก Uji
Marukyu Koyamaen ระดับโลกจาก Uji
Ippodo Tea รสชาติบาลานซ์ และดั้งเดิม
Tsujiri เหมาะทั้งชาและของหวาน
Horii Shichimeien กลิ่นหอมเข้ม
Itoh Kyuemon รักชาแบบญี่ปุ่น
Nakamura Tokichi ดื่มง่ายและอร่อย

เข้าที่พักแถว Dotonburi
ที่พักใน Osaka รอบนี้เลือกพักแถว Dotonburi เพราะว่าใกล้ที่เที่ยวสะดวกมาก เป็น Apartment 2 ชั้น ที่มี 2 ห้องนอน 1 ห้องอเนกประสงค์ 2 ห้องน้ำ 1 ห้องอาบน้ำมีอ่าง มุมครัวทำอาหารได้ มีเครื่องซักผ้าและมีระเบียงด้วยนะ ใครหาที่พักย่านนี้มาเป็นแก๊งค์เพื่อน หรือครอบครัวก็ตามรอยออมนัทมาได้เลย

Day 11 : Osaka
Dotonburi
วันนี้โนแพลนเลยทุกคน ตอนแรกว่าจะเดินเล่นใกล้ ๆ บ้านพัก จะไป ตลาดปลาเอย, บ่านนัมบะเอย แต่ความชิลของบ้านพักเลยนอนอยู่ห้องยาว ๆ ไปจนเย็นเลยค่ะ ออมนัทเดินไปย่านโดทงบุริหาอะไรกินกันไป
จริง ๆ แพลนทริปค่อนข้างแน่นกว่านี้มาก แต่พอไปเที่ยวจริง ๆ ก็อยากจะใช้เวลาแต่ละที่นาน ๆ แบบชิว ๆ ไม่อยากเร่งรีบมาก เลยเที่ยวได้จริง ๆ วันละที่สองที่ เพราะช่วงฤดูหนาวมืดเร็วค่ะ 4 โมงเย็นก็พระอาทิตย์ตกแล้ว ใครมาเที่ยวช่วงฤดูหนาวก็เผื่อเวลาดี ๆ น้า แต่จริง ๆ ไปญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่พออยู่แล้ว...ไว้กลับมาค่อย ๆ เก็บที่ที่อยากไปใหม่ก็ได้เนอะ ๆ อ่านรีวิวเที่ยว Wakayama 4 วันเต็มต่อโพสต์หน้าน้า















































ความคิดเห็น